ย้อนเวลาด้วยสู่การสวยเปล่งประกายด้วย " BOTOX "

"โบท็อกซ์ (Botox)"
โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าสำหรับสารสกัดบอทูลินัส (Botulinum toxin) จากแบคทีเรียที่ชื่อว่า Clostridium botulinum ซึ่งมีสารประกอบหลักคือโปรตีน ที่เรียกว่า botulinum toxin type A หรือบางทีเรียกสั้น ๆ ว่า “โบท็อกซ์” ( Botox ) ซึ่งมีคุณสมบัติในการบล็อกสัญญาณการส่งผ่านของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหยุดกิจกรรมต่าง ๆ ของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป ซึ่งจะนำมาใช้ในการรักษาหรือลดอาการของอาการต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยที่ใบหน้า แก้ปัญหาร่องแก้ม และอื่น ๆ โดยทั่วไปใช้ในทางที่เกี่ยวข้องกับความงามและศัลยกรรมเคลือบผิวหน้า การฉีดโบท็อกซ์ในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้น “จิรพัฒน์คลินิก” พร้อมทีมงานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการทุกท่านแล้ว อย่ารอช้า! เพราะความสวยรอไม่ได้ค่า!!
ขั้นตอนในการฉีดโบท็อกซ์
1.การประเมินผู้ป่วย : แพทย์จะทำการประเมินสุขภาพของผู้ป่วยเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีปัญหาสุขภาพที่มีผลต่อการใช้ และต้องการการรักษาด้วยโบท็อกซ์
2.วางแผนการรักษา : แพทย์จะวางแผนการรักษาโดยระบุจุดที่จะฉีดโบท็อกซ์ โดยใช้หลายปัจจัย เช่น ปริมาณโบท็อกซ์ที่จำเป็น และตำแหน่งที่จะฉีด
3.การฉีดโบท็อกซ์ : แพทย์หรือผู้ให้บริการทางการแพทย์จะใช้เข็มฉีดเจาะผิวหนังเพื่อฉีด Botox ลงไปในกล้ามเนื้อหรือพื้นที่ที่ต้องการ ตามจำนวนและตำแหน่งการฉีดจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการรักษา
4.การติดตามอาการ : หลังจากการฉีดโบท็อกซ์เสร็จสิ้นแล้ว ผู้ป่วยอาจต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แพทย์สามารถปรับปรุงระยะเวลาการฉีดหรือปริมาณที่ใช้ได้ตามความต้องการ
5.การดูแลหลังการรักษา : แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลหลังการรักษา เช่น การหลีกเลี่ยงการกดหรือมวนบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เป็นต้น
ผลข้างเคียงของโบท็อกซ์
การใช้โบท็อกซ์เพื่อวัตถุประสงค์ในการเสริมสวยหรือการรักษาอาการต่าง ๆ มักจะมีประสิทธิภาพและปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่ผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีระดับความรุนแรงและความถี่ของผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาจเกิดบาดแผลบริเวณที่ฉีดเช่น การแดง, บวม, และช้ำ บางครั้งผู้ที่ได้รับการฉีด Botox อาจมีอาการไม่สบาย เช่น ความเจ็บปวดหรือคัน นอกจากนี้ ผู้ที่มีประวัติการแพ้ต่อสารประกอบของโบท็อกซ์ หรือสารที่เกี่ยวข้องอาจมีอาการแพ้ อาจมีอาการบวมหน้า หรือผื่นบริเวณที่ฉีด ในบางกรณีกระทบต่อระบบประสาท อาจเกิดผลข้างเคียงที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หัวใจเต้นเร็ว หรือหายใจไม่สะดวก นอกจากนี้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายหรือความอ่อนแอของกล้ามเนื้อ เป็นต้น

คำแนะนำก่อนการฉีดโบท็อกซ์
1.ปรึกษาแพทย์: ควรนัดพบแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการให้บริการทำโบท็อกซ์ เพื่อทำการประเมินสุขภาพรวมและประวัติการรักษาว่าคุณเหมาะสมและมีความเสี่ยงต่ำต่อการฉีดโบท็อกซ์
2.ยกเว้นการใช้ยาบางชนิด: ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่คุณกำลังใช้ อาจมีบางยาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของกล้ามเนื้อหรือยาที่ส่งผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือด
3.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์: เนื่องจากอาจทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
4.ระงับการใช้วิตามิน E และอินทรีย์สมุนไพร: เพราะอาจเสี่ยงต่อการเลือดออกได้มากขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้
5.ติดตามคำแนะนำของแพทย์: คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติก่อนการฉีดโบท็อกซ์ อาจแตกต่างไปตามสถานการณ์และความต้องการของแต่ละบุคคล จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คำแนะนำหลังการฉีดโบท็อกซ์
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังการทำการฉีด เพื่อป้องกันการกระตุ้นสารส่งผ่านประสาทที่ทำให้โบท็อกซ์เข้าไปทำงานในบริเวณอื่น
2.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือการบริหารกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของโบท็อกซ์ออกจากตำแหน่ง
3.ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีดโบท็อกซ์ที่แพทย์ให้ไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การหลีกเลี่ยงการพักผ่อนที่เป็นแนวนอนในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรกหลังการทำการฉีด
4.หลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อการฉีดโบท็อกซ์ เช่น การเข้าสรรค์หรือการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
5.ติดตามผลลัพธ์ของการรักษาโบท็อกซ์ และถ้ามีคำถามหรือความกังวลใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำเพิ่มเติม

ประโยชน์ดี ๆ ของโบท็อกซ์ที่คุณควรรู้
โบท็อกซ์ มีประโยชน์หลายอย่างทั้งในด้านการแพทย์และด้านความงาม โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่อช่วยลดการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในใบหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยย่นในขอบตา และริ้วรอยรอบปาก ยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้า ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ (dystonia) และยังสามารถรักษาอาการที่เกี่ยวกับระบบประสาท หรืออาการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่เป็นโรคเอสเซนเชียลที่มีการเคลื่อนไหวไม่ปกติ (spasticity) ช่วยลดอาการตึงคอ (cervical dystonia) หรืออาการพักระยะที่ยาวนานของกล้ามเนื้อในคอ สำหรับการใช้ Botox ในแต่ละกรณี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ เนื่องจากการใช้งานไม่ถูกต้องอาจมีผลข้างเคียงหรือผลเสียต่อสุขภาพ ทางคลิกของเรา มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและดูแลลูกค้าทุกท่าน สามารถติดต่อสอบถามได้เลยที่ “จิรพัฒน์ คลินิก” พร้อมแอดมินที่คอยให้บริการทุกท่านก่อนเข้ารับการรักษา
